วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ข่าว เกียรตินาคินลุยสินเชื่อSME ใช้รถค้ำประกันปล่อยวงเงิน3เท่า


     นายอภินันท์ เกลียวปฏินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร หรือ KKP เปิดเผยว่าผลประกอบการไตรมาส 3/59 จะทรงตัวจากไตรมาส 2/59 เนื่องจากสินเชื่อยังมีการขยายตัวโดยเฉพาะสินเชื่อเอสเอ็มอี และทั้งปียังมั่นใจว่าสินเชื่อ จะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 3-5%

     โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อ KK SME รถคูณ 3 ล่าสุดปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 1 พันล้านบาท จากเป้าทั้งปี 2 พันล้านบาท โดยปี 2560 ธนาคารตั้งเป้าขยายสินเชื่อดังกล่าว 4 พันล้านบาท จากพอร์ตสินเชื่อเอสเอ็มอีทั้งสิ้น 4 หมื่นล้านบาท ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ภายใน สิ้นปีจะรักษาให้อยู่ในระดับ 4-5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.1%

     "สินเชื่อ KK SME รถคูณ 3 นับเป็นสินเชื่อแนวใหม่ และ เป็นครั้งแรกของแบงก์ไทยที่สามารถเอารถไปค้ำประกัน สินเชื่อได้ ให้วงเงินสูงสุด 3 เท่าของมูลค่ารถที่ค้ำประกันวงเงินตั้งแต่ 4 แสน- 5 ล้านบาท (สามารถยื่นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อได้สูงสุด 3 คันต่อลูกค้าหนึ่งราย) อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) ที่ 14-15% ต่อปี ระยะเวลาการผ่อนชำระ 24-72 เดือน และมีการค้ำประกัน วงเงินสินเชื่อจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ปัจจุบันเอสเอ็มอีในไทยมีทั้งสิ้น 2.7 ล้านราย" นายอภินันท์กล่าว

     นายอนุชิต อนุชิตานุกูล ประธานสายพัฒนาระบบงาน ช่องทางขายและผลิตภัณฑ์ KKP กล่าวว่าผลจากการทดลอง ทำการตลาดพบว่าปัจจัยหลักที่ลูกค้าเลือกใช้บริการสินเชื่อ KK SMEรถคูณ 3 เพราะสามารถใช้รถยนต์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันแล้วได้รับวงเงินสูงสุดถึง 3 เท่าของมูลค่ารถ ทำให้ลูกค้าได้รับวงเงินเพียงพอต่อการต่อยอดธุรกิจ อีกทั้งดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับสินเชื่อธุรกิจอื่นๆ
     
     นายปพนธ์ มังคละธนะกุล ผู้ก่อตั้ง บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ บริษัท ล้มยักษ์ ที่ปรึกษาของธนาคารเกียรตินาคินในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเอสเอ็มอี กล่าวว่า เอสเอ็มอีไทยมีศักยภาพในการเติบโตสูง หากได้รับการสนับสนุนอย่างครบด้าน อาทิ การวางกลยุทธ์ การพัฒนาสินค้าและ ช่องทางขาย การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ส่งเสริม องค์ความรู้ และสร้างมูลค่าทางนวัตกรรม โดยจากประสบการณ์ที่ให้คำปรึกษากับกลุ่มเอสเอ็มอีขนาดเล็ก (รายได้ของกิจการประมาณ 5-30 ล้านบาทต่อปี) พบว่าอุปสรรคสำคัญที่สุดของผู้ประกอบการคือขาดแหล่งเงินทุน เนื่องจากเอสเอ็มอี ขนาดเล็กยังมีสินทรัพย์ที่ใช้ประกอบธุรกิจค่อนข้างจำกัด

วันที่ 24 สิงหาคม 2559 
ที่มา : http://www.ryt9.com/s/nnd/2493169

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น